๐๘ กันยายน, ๒๕๕๑
หนุ่มบ้านไร่...หัวใจปิ๊งรัก
ขอตามติดกระแสหน่อย พอดีละครพึ่งจะจบไป และผมก็บังเอิ๊ญ บังเอิญ ได้มาดูเอาสองตอนสุดท้าย แต่ก็สนุกดี เดี๋ยวว่างๆว่าจะหาแผ่นมาดู อิอิ
๒๖ สิงหาคม, ๒๕๕๑
Agape (อากาเป)
A = Acknowledge คือ การรับรู้ ถึงคุณค่ายิ่งใหญ่ของพระเจ้าเสมอ ไม่ว่าเราจะคิดหรือทำอะไรอยู่ เราต้องรับรู้ว่าพระเจ้าทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ ทรงพระชนม์อยู่และทรงอยู่กับเราเสมอ เราควรจำนนชีวิตให้พระองค์เข้ามามีส่วนร่วมในครอบครัวทุกด้าน เพื่อ เราจะดำรงชีวิตอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้าเหมือนอย่างพระเยซู ดังที่พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระบิดาว่า “....ถ้าพระองค์พอพระทัย..อย่าให้เป็นไปตามใจข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์เถิด ” ( ลก.22:42 )
G = Give คือ การให้ ดังที่พระเยซูทรงให้เพราะรัก แต่ในยุคแห่งการเห็นแก่ตัว การให้เป็นสิ่งที่เห็นได้น้อยมากโดยเฉพาะการให้โดยไม่มีเงื่อนไข หรือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เช่นกันในครอบครัวเราควรให้ชีวิตและสิ่งที่ดีแก่กันเสมอซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นที่จะขาดไม่ได้เลย
A = Act คือ การกระทำ บนพื้นฐานของความรักและความจริงมากกว่าความรู้สึก หากพระเยซูกระทำบนฐานของความรู้สึก พระองค์คงเดินออกไปจากสวนเกธเซมาเนไปแล้ว เพราะความกดดัน และความทรมานนั้นเจ็บปวดสุดจะเกินทนได้ แต่ขอบพระคุณพระเจ้า พระองค์กระทำบนฐานของความรักและความจริง พระองค์ทรงรู้ว่าอะไรเป็นน้ำพระทัยของพระบิดา และอะไรเป็นประโยชน์สูงสุดแก่เรา ซึ่งพระองค์ได้ทรงเลือกกระทำตามนั้นเพื่อเราทุกคน ดังนั้นขอให้เรากระทำดีต่อคนในครอบครัวของเรา โดยตั้งอยู่บนฐานของความรักและความจริงเสมอไป (1 ยน.3:18) นะครับ
P = Pray คือ การอธิษฐาน แม้พระเยซูทรงได้รับความทุกข์ทรมานแต่ยังทุ่มเทในการอธิษฐานโดยไม่หยุดยั้งแม้ในเวลาที่เหล่าสาวกของพระองค์ล้มเหลว ที่จะมีส่วนร่วมกับพระองค์ เราเองอาจทำไม่ได้เท่าพระเยซู แต่การอธิษฐานอย่างทุ่มเทก็จำเป็นยิ่งในการดำเนินชีวิตครอบครัวของเราด้วย
E = Emphatize คือ การเข้าร่วมความรู้สึก เมื่อพระเยซูทรงมองดูผู้คน พระองค์ทรงเข้าถึงจิตใจและรู้สึกสงสารพวกเขา เช่นเดียวกันทุกคนในครอบครัวควรมีความรู้สึกร่วมและเห็นใจซึ่งกันและกันให้มาก เหมือนกับที่พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างแก่เราเพราะรักและเข้าใจเรานั่นเอง
ที่มา คริสตจักรร่มเย็น
๒๔ สิงหาคม, ๒๕๕๑
การให้ เป็นเหตุให้มีความสุขกว่าการรับ
หน้าตาหล่อเหลา มีการศึกษาสูง มีงานการที่มั่นคง มีความก้าวหน้าในอนาคต
มีคนรักใคร่รอบข้าง เรียกว่าใครเห็นใครรู้เป็นต้องอิจฉา
วันหนึ่งชีวิตที่สมบูรณ์แบบของชายคนนี้ยิ่งสุดยอด สมบูรณ์แบบมากขึ้น
เมื่อพี่ของเขายอมควักเงินก้อนโตซื้อรถสปอร์ตคนงามเป็น ของขวัญให้กับน้องชาย
ไม่ต้องบอกว่าเจ้าตัวจะยินดีปรีดาแค่ไหน
เพราะรถสปอร์ตสุดหรูคันนี้ ชายหนุ่มนายนี้ฝันอยากได้ เป็นเจ้าของมาตลอดชีวิต
เมื่อความฝันเป็นจริง สิ่งที่ชายหนุ่มคิดทำอย่างแรกคือ
ขับเจ้ารถสปอร์ตตระเวนไปตามที่ต่างๆให้สมอยาก
ใจหนึ่งต้องการทดสอบแรงม้าที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องเครื่อง ว่าจะมีเรี่ยวแรงเต็มกำลังแค่ไหน
อีกใจก็แน่นอนว่า ใครที่มีรถสวยแรงขนาดนี้คงไม่บ้าเก็บเอาไว้ดูตามลำพังที่โรงรถในบ้าน
ขับโฉบเฉี่ยวไปมาสักพัก ก็ถึงเวลาพักทั้งเครื่องและคน ชายหนุ่มจัดแจงจอดรถข้างถนน
ระหว่างกำลังพักผ่อนอิริยาบถ เขาเห็นเด็กคนหนึ่งเดินลูบๆคลำๆรอบรถคันงาม
ด้วยกิริยาท่าทีชื่นชอบรถ
สปอร์ตอย่างเห็นได้ชัด
ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของสิ่งที่หลายต่อหลายคนใฝ่ฝัน
เขาเดินยืดอกมาที่รถ พร้อมพูดจาทักทายเด็กคนนั้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ดั่งขุนศึกผู้ชนะสงคราม
"ระวังหน่อยน้อง เดี๋ยวเป็นรอย" เขาบอก
เด็กคนนั้นมองไปยังชายหนุ่มเจ้าของเสียง ก่อนจะพูดตอบ "รถของพี่เหรอ สุดยอดจริงๆ"
"แน่นอน" เขาตอบ
"พี่ซื้อมาราคาเท่าไหร่" เด็กคนเดิมถาม
"คนอื่นอาจต้องควักสตางค์ซื้อเอง แต่พี่ไม่ต้อง เพราะพี่ชายพี่ซื้อให้เป็นของขวัญ"
"โอ้โห! ดีจัง ผมอยาก...." เด็กคนเดิมพูดตะกุกตะกักชะงักในตอนท้าย
ชายหนุ่มคิดในใจว่า เด็กคนนี้คงไม่กล้าพูดต่อ
เพราะที่เด็กอยากจะพูดแต่ยั้งปากยั้งคำไว้นั้น คงต้องการบอกว่าอิจฉาตัวเขาเอง
อยากจะเป็นอย่างเขาบ้าง...มีพี่ที่แสนดีซื้อรถสุดหรูให้เป็นของขวัญ...
แต่สิ่งที่ชายหนุ่มคิดกลับผิดถนัด
"โอ้โห ดีจัง ผมอยาก....เป็นอย่างพี่ชายของพี่จัง" เด็กคนนั้นพูด
"ผมจะได้ซื้อรถให้น้องชายผมนั่งบ้าง"
...................................................................
จริงครับ ผมสามารถยืนยันได้ว่า การได้เป็นผู้ให้นั้นมีความสุขกว่าการได้รับจริงๆ ถึงแม้ในบางครั้งเราจะชอบที่จะได้รับมากกว่า แต่การที่เราได้ให้ โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก แค่เขามีความสุข แค่เขามีรอยยิ้ม ก็เท่ากับเราได้รับแล้วหล่ะ
ขอพระเจ้าอวยพรครับ
๒๑ สิงหาคม, ๒๕๕๑
กล่องความทรงจำ : ไดอารี่สีส้ม (end)

ตอนแรกตั้งใจจะเอาไดอารี่ที่ผมเคยเขียนมาโพสต์ลงที่นี่ แต่พอนึกไปนึกมา บางครั้งความทรงจำดีๆ ก็ควรจะเป็นแค่ความทรงจำก็จะดีกว่า ผมหมายถึง ในไดอารี่ของผม ก็จะเป็นข้อความที่ผมบอกรักคนที่ผมรักมากที่สุด สิ่งดีๆที่เราเคยทำด้วยกัน เป็นบันทึกที่ผมบันทึกความทรงจำระหว่างผม พระเจ้า และผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ผมว่ามันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าผมจะเก็บมันไว้แค่ในไดอารี่สีส้มนั้นอย่างเดิมต่อไป เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างมันมีคุณค่าในตัวของมันเอง
ก็อธิษฐานนะครับว่า ซักวันหนึ่ง เราจะได้กลับมาสานต่อเรื่องราวความทรงจำดีๆลงในบันทึกเล่มนี้ ให้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง หรือว่าบันทึกเล่มนี้จะเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่จบเพียงแค่นี้ สุดท้ายแล้วก็แล้วแต่น้ำพระทัยพระเจ้าก็แล้วกัน
คนพิเศษของใจ

เคยมีใครบางคนส่งข้อความนี้มาให้ผมเมื่อนานมาแล้ว พอดีวันนี้มีโอกาสได้ย้อนกลับมาดูอีเมล์เก่าๆ ยังรู้สึกประทับใจ ก็เลยเอามาโพสต์ให้อ่านกัน ขอให้เจอคนพิเศษไวๆนะครับ
ใครหลายๆคนอาจจะคิดว่า คนพิเศษของใจ ก็คือแฟนของเรา
แต่บางครั้งมันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก ????? คนพิเศษของใจ
หรือคนที่คุณอาจจะเรียกว่าเป็นคนพิเศษของคุณ
หรือคนที่สำคัญกับคุณนั้น เขาหรือเธอคนนั้น
ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนหรือคนรักของคุณเสมอไปหรอก คุณลองนึกดูสิว่า. .
* ใคร ที่เคยทำให้คุณต้องร้องไห้ เพราะเรื่องของเขา +++
คนคนนี้แหละคือคนที่คุณแคร์เขามากและคุณอาจจะรักเขาด้วยโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลย
** ใคร ที่เคยร้องไห้ไปพร้อม ๆ กับคุณ เมื่อเวลาคุณร้องไห้ +++
คนนี้แหละคือคนที่คุณต้องคอยดูแลถนอมน้ำใจเขาให้มากที่สุด
คุณคงไม่รู้ว่าเขารักคุณมากด้วย
*** ใคร ที่คอยห่วงใยคุณ ดูแลคุณอย่างดี คอยเตือนคุณ คอยช่วยเหลือคุณ
เมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือ +++
คนนี้แหละที่เขารักคุณอย่างจริงใจ
และเชื่อเถอะว่าคุณจะต้องรักเขาเข้าเหมือนกันโดยที่คุณไม่รู้ตัว
**** ใคร ที่คอยปลุกคุณตอนเช้าๆ ให้คุณตื่น
และคอยบอกคุณให้เข้านอนเร็วๆ ให้ห่มผ้าก่อนนอน +++ คนคนนี้แหละ
คือคนที่เขาห่วงคุณอย่างจริงใจ ไม่ต้องการให้คุณไม่สบาย
ต้องการให้คุณตื่นมารับอากาศเช้าที่แสนจะสดใส
***** ใคร ที่คุณอยากจะบอกเรื่องราวของคุณให้เขารู้มากที่สุด +++
คนนี้แหละคือคนที่คุณ ไว้ใจมากที่สุด คือคนที่คุณ รักและไว้ใจ
****** ใคร ที่คุณ อยากรับฟังปัญหาและเรื่องราวของเขามากที่สุด +++
คนคนนี้แหละคือคนที่คุณแคร์เขามากๆ
ต้องการรู้เมื่อเขามีปัญหาเผื่อจะช่วยเขาได้
******* และ ใคร คือคนที่คุณคิดว่า คุณต้องการเขาอยู่เสมอ ++
คนคนนี้แหละ ที่เรียกว่า “คนพิเศษของใจ” คนพิเศษของใจคุณ คือ
คนที่คุณต้องการเขา คนที่คุณผูกพันกับเขามาก มากกว่าใครๆ
เขาเป็นคนที่คุณคิดว่า คุณต้องการเขาอยู่เสมอ
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงไหน เขาจะเปลี่ยนไปอย่างไร
เขาจะเป็นคนเดิมของคุณหรือเปล่า และถ้าคุณเคยทำให้เขาเสียใจ
หรือทำอะไรที่คุณจะต้องเสียเขาไป แล้วเขายังกลับมาหาคุณอีก
และห่วงใยคุณอยู่ตลอดเวลา และเขายังต้องการคุณอย่างที่คุณต้องการเขา
คุณจะเป็นคนพิเศษของใจกันและกัน รักษาและถนอมคนคนนี้ไว้ให้ดีนะ
แล้วคุณจะมีความสุข เชื่อเถอะ!!!!!!
สิ่งที่ได้รับจากการประชุมที่ผ่านมา
สัปดาห์ที่แล้วเรามีประชุมเจ้าหน้าที่วายแวม เขตภาคกลาง
และนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมได้รับ หวังว่าพี่น้องจะได้รับเหมือนกันนะครับ
มาระโก 4:35-5:1
ศัตรูพยายามที่จะหยุดการงานของเรา โดยใช้สถานการณ์ต่างๆ
-
-ใครจะคิดว่าเด็กน้อยจะชนะในสงคราม
- Nobody think you can win your Giant!! ไม่มีใครคิดว่าเราจะสามารถชนะสิ่งที่เราเผชิญหน้าอยู่ได้
- ไม่มีปัญหาใดที่เราไม่สามารถเอาชนะได้
- ท่านมาหาข้าพเจ้าด้วยดาบ ด้วยหอกและด้วยหอกซัด แต่ข้าพเจ้ามาหาท่านในพระนามแห่งพระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งกองทัพอิสราเอล
สดุดี 139:1-17
“จงมีภรรยาและมีบุตรชายบุตรหญิง จงหาภรรยาให้บุตรชายของเจ้าทั้งหลายและยกบุตรหญิงของเจ้าให้แต่งงานเสีย เพื่อนางจะได้มีบุตรชายและบุตรหญิงทวีมากขึ้นที่นั่นและไม่น้อยลง” เยเรมีห์ 29:6
๒๐ สิงหาคม, ๒๕๕๑
กล่องความทรงจำ : ไดอารี่สีส้ม 1
เพื่อว่าสิ่งใหนที่ดีๆก็จะได้ทำต่อไป สิ่งใหนที่น่าประทับใจก็จะเก็บไว้ในความทรงจำ สิ่งใหนที่ไม่น่าทำก็จะไม่ทำอีก....เพื่อว่าใครคนนั้นเข้ามาอ่าน เขาจะได้รู้ว่าเราเคยมีเวลาที่ดีต่อกันอย่างไร รัตน์ วุฒิยังรักรัตน์นะ และวุฒิก็จะรักรัตน์ตลอดไปด้วย รัตน์จะเป็นคนที่วุฒิรักตลอดไป
๑๓ สิงหาคม, ๒๕๕๑
If Only (If only anothe chance)

เป็นเรื่องราวของนักดนตรีสาวชาวอเมริกัน เธอตกหลุมรักแฟนหนุ่มชาวอังกฤษ แต่ดูเหมือนแฟนหนุ่มจะสนในแต่งาน จนลืมที่จะใส่ใจในอารมณ์ และความรู้สึกของแฟนสาวที่แสนจะห่วงใยเขาที่สุด หารู้ไม่ว่าเขากำลังจะสูญเสียคนที่รักที่สุดไป
เมื่อโศกนาฎกรรมได้นำพาให้คนที่รักต้องจากไกปอย่างไม่มีวันหวนกลับ เขาจึงได้รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองที่มีต่อแฟนสาว หากเพียงแต่เขายังไม่เคยได้บอกให้เธอรับรู้ เมื่อเขาได้โอกาสที่จะย้อนเวลากลับไปได้เพียงหนึ่งวัน ก่อนหน้าวันที่แฟนสาวจะจากเขาไป เพื่อให้เขาได้บอกความรู้สึกที่มีต่อเธอ และใช้เวลาทุกนาทีที่เหลืออยู่กับแฟนสาวที่เขารักให้นานที่สุด
ดูแลคนที่คุณรักและบอกรักด้วยหัวใจ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาคนนั้นจะต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...
นี่เป็นหนังเรื่องโปรดของผมอีกเรื่อง If Only
หากคุณเคยทำผิดพลาด... หากคุณเคยขอโอกาสอีกครั้ง... คุณจะทำอย่างไรให้รักนั้นกลับมา
ใช่แล้ว สำหรับผม การที่เรารักใครซักคนหนึ่ง แม้แต่ชีวิตเราก็ให้เขาได้ ดูเหมือนนิยายใช่ใหมครับ ใครมีบางคนบอกผมไว้ว่าผมชอบพูดเหมือนนิยายหรือเหมือนในละครน้ำเน่า แต่ถ้าผมจะบอกว่าทุกคำที่ผมพูดผมคิดอย่างนั้นจริง จะมีซักกี่คนที่เชื่อผมบ้าง ถ้าใครได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว จะรู้สึกเหมือนผมว่า แค่ขอโอกาสอีกสักครั้งในการแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดหรือสิ่งที่เราเคยละเลยในอดีต เราจะไม่ยอมให้เป็นเหมือนเดิมแน่นอน และผมก็คงจะทำเหมือนที่พระเอกในหนังทำเหมือนกัน ถึงแม้ว่าในหนังและชีวิตจริงจะต่างกัน และผมว่าบางครั้งหนังก็เอามาจากเรื่องจริงเหมือนกัน และความจริงบางครั้งก็น้ำเน่าเหมือนละครไม่ต่างกันหรอก
วุฒิ 13 สิงหาคม 2008
๑๒ สิงหาคม, ๒๕๕๑
The Show MUST go on (part 2)
พระเยซูร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสาวกมาร่วมสามปี แน่นอนว่าพระองค์ทรงรักเขา และสาวกก็รักพระองค์ด้วย พวกเขาร่วมเดินทางด้วยกัน
จินตนาการนะครับว่า เมื่อเราใช้เวลากับใครซักคนหนึ่งและเราก็รักเขามาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง หรือคนที่เรารัก แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาคนนั้นก็มาจากเราไป (ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี) เราจะเจ็บปวดมากแค่ไหน
วินาทีที่ทหารยกร่างของพระเยซูขึ้นบนกางเขน โลกทั้งใบของสาวกคงจะล่มสลายอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์จะไม่ได้บันทึกไว้ว่าสาวกรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าใช้ความรู้สึกมองตามเนื้อหนังของเรา ก็เชื่อได้ว่าสาวกของพระเยซูแต่ละคนก็คงหัวใจสลายและรู้สึกเคว้งเป็นแน่แท้
พวกเขามีความคาดหวังว่า พระเยซูจะมาช่วยเขา จะนำชัยชนะมาสู่พวกเขา เขามีความคาดหวังในพระองค์หลายๆอย่าง บางคนถึงกับละทิ้งครอบครัว พ่อแม่ การงานและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อติดตามพระเยซู แต่แล้วพอวันนี้มาถึงพระองค์ก็จากเขาไป
เชื่อว่าสาวกคงมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวแน่นอน รู้สึกเสียดายเวลา รู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร รู้สึกสับสน แต่ถึงอย่างไรเสียชีวิตเขาต้องดำเนินต่อไป ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่โดยปราศจากพระเยซูนับจากวินาทีนี้ไป บางคนต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ บางคนต้องกลับไปทำอาชีพเดิม เริ่มต้นชีวิตใหม่
ถ้าเรื่องจบแค่นี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่เศร้ามากของพวกสาวกและดูเหมือนพระเยซูก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย
แต่สำหรับพระเยซูแล้ว นี่เป็นสิ่งดีที่พระองค์เตรียมไว้ พระองค์รู้แล้วว่าวันนี้จะต้องเกิดขึ้น
ถ้าสาวกอยู่กลับพระเยซูที่เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง เขาก็ไม่ได้อะไรเลย
กลับกัน การที่พระองค์ยอมตายบนกางเขนเพื่อจะได้ฟื้นคืนชีวิตใหม่ในอีกสามวันต่อมาต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และสาวกก็คาดไม่ถึงด้วย พระองค์จัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าให้เขา ถึงแม้สาวกจะสูญเสียพระเยซูที่เป็นมนุษย์ แต่ตอนนี้เขาได้รับพระเยซูที่เป็นพระเจ้า 100% และพระองค์ก็จะอยู่กับพวกเขาตลอดไปด้วย(ฝ่ายวิญญาณ)
สูญเสียพระเยซูวันนี้ เพื่อจะได้พระเยซูองค์เดิมที่ดีกว่าและสามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเป็นนิจ การสูญเสียวันนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาได้รับวันนี้
ใช่แล้ว ผมก็พยายามหนุนใจตัวเองว่า ถึงแม้ชีวิตเราจะเจอสถานการณ์อะไร จะต้องสูญเสียอะไร ผมจะมีความหวังว่าพระเยซูจะจัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้เสมอ อาจจะเป็นสิ่งใหม่หรือสิ่งเดิม แต่แน่นอนว่าจะดีกว่าแน่นอน
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เพื่ออะไร?? ก็เพื่อจะได้เจอกับสิ่งที่ดีกว่าเดิมยังไงหล่ะ
สดุดี 30:5, 11-12
" เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแค่ชั่วคราว แต่ความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต
การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า"
"สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์เป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี
เพื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์และไม่นิ่งเงียบ
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายโมทนาแด่พระองค์เป็นนิตย์"
๑๐ สิงหาคม, ๒๕๕๑
The Show MUST go on (part 1)
หนึ่งในนั้นก็คือคำว่า The show must go on ซึ่งเป็นประโยคจากหนังเรื่อง Molin Rouge หนึ่งในหนังโปรดของผม "ชีวิตต้องดำเนินต่อไป" ดูเหมือนง่ายนะครับ แต่ทำโคตรยากเลย
ชีวิตเป็นเหมือนละครหลังข่าวก็ดีสินะครับ พระเอกนางเอกรักกัน จบ... แต่ชีวิตจริงนี่ มันไม่จบแค่นี้นะสิ ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป หนึ่งวันมี 14 ชั่วโมงที่เราต้องอยู่กับมัน ถึงแม้ชีวิตจะท้อแท้ หมดหวัง สิ้นหวัง หรือ เจ็บปวด บางครั้งเราก็หวังว่าหลับตาแล้วตื่นมามันจะเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่ไม่เลย
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ใช่แล้วครับ บางครั้งถ้าเรามองโลกเพียงแต่ด้านเดียว เราก็จะคิดว่าเราไม่เหลืออะไรเลย
แต่กลับกันถ้าเราลองๆวางเรื่องของเราลงซัก 5 นาทีแล้วมองดูรอบๆตัวเรา เราอาจจะคิดว่าเรื่องของเราช่างขี้เกลือเหลือเกิน คือมันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคนอื่น เราไม่ได้เป็นคนแรกในโลกนี้ที่เผชิญเหตุการณ์อย่างนี้ และแน่นอนว่าจะไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย
The show must go on
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาคุยให้ฟังต่อว่า ช่วงเวลา 10 นาทีที่ผมอาบน้ำนี้ ผมได้เรียนรู้อะไรจากพระเจ้าบ้าง
ก่อนอื่นขอฝากคลิปนี้ที่จะหนุนใจทุกคนครับ
เป็นเรื่องราวของพ่อลูกคู่หนึ่ง ดิคและริค ฮอยท์
ดิคมีลูกชายที่พิการแต่กำเนิด เนื่องจากถูกสายรกพันคอจนทำให้สมองถูกทำลาย ซึ่งคุณหมอที่ทำคลอดก็แนะนำให้ทิ้งเด็กน้อยไว้ที่โรงพยาบาลนี้ เพราะเด็กน้อยจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ดิคผู้เป็นพ่อกลับเลือกที่จะเลี้ยงลูกชายของเขาคนนี้ต่อไป
พยายามให้เขามีชีวิตที่ปรกติเหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง
มาวันหนึ่งขณะที่ทั้งสองนั่งดูรายการการแข่งมาราธอนทีวีอยู่ ริคก็ให้สัญญาณกับพ่อเขาว่า เขาอยากทำอย่างนี้บ้างได้ใหม และคำตอบของพ่อคือ ได้... มาดูกันครับ แล้วคุณจะซาบซึ้งกับความรักของเขาทั้งสองคน
Posted by Wuut
ความรักไม่เคยจางหาย
ลองอ่านดูนะครับ แล้วจะรู้ว่าไม่ว่าจะนานเท่าไร ความรักก็ยังเป็นเหมือนเดิม
เลขา: "ท่านคะ...มีคนจะขอเรียนสายท่านค่ะ"
ผู้จัดการ: "ใครครับ"
เลขา: "เขาบอกว่าชื่อ ความรัก ค่ะ"
ผู้จัดการ: "อืมม.. บอกเค้าว่าผมงานยุ่งมาก"
........เวลาผ่านไป......
เลขา: "ท่านค่ะ ความรัก ยังงรอสายท่านอยู่ค่ะ"
ผู้จัดการ: "อือ...บอกไปว่าผมไม่สะดวกรับสายนะ"
..........ผ่านไป..........
เลขา: "ท่านคะ"
ผู้จัดการ: "คุณ...ความรัก อีกเเล้วใช่ไหมครับ
บอกว่าผมงานยุ่ง ไว้ผมจะ...
เลขา: "ไม่ใช่ค่ะ! มีคนจะคุยเรื่องงานค่ะ"
......ในวันที่หัวใจว่างว่างว่าง...
mobile Phone: You have 1 new message in your mailbox
"Please call.. Goodbye from ความรัก"
ผู้จัดการ: "ช่วยต่อสายความรักให้ผมหน่อย"
เลขา: "ค่ะ"
............"ตู้ดๆๆๆ ..........
ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
กรุณาฝากข้อความเเละหมายเลขโทรกลับค่ะ... "
เลขา: "ติดต่อไม่ได้ค่ะ จะให้ฝากข้อความไหมคะ"
ผู้จัดการ: "ไม่ต้องครับ"
ความเหงาเข้ามาเยือน... แล้วเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป
.............ผ่านไป...........
ความรักที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้กรุณาฝากข้อความเเละหมายเลขโทรกลับ ค่ะ"
ผู้จัดการ: "ความรักครับ คือ........................
ผม...เห็นคุณเงียบหายไปไม่รู้ว่าสบายดีไหม
ช่วงก่อนหน้านี้ผมงานยุ่งตลอดไม่มีเวลาว่าง
ต้องขอโทษด้วย ไม่รู้ว่าจะสายไปไหมถ้าจะบอกว่า
ผมพร้อมที่จะมีความรักเเล้ว
ถ้าได้รับข้อความเเล้วช่วยติดต่อกลับด้วยนะครับ"
ร อ ร อ ร อ รอคอยความรักจนถึงวันนึง.....
เลขา: "ท่านค่ะ ความรักโทรมา
ให้ปฏิเสธไปเลยไหมค่ะ?"
ผู้จัดการ: "ไม่ต้อง รีบโอนสายมาเลย"
ผู้จัดการ: "สวัสดีครับความรัก คุณหายไปไหนมา
ขอโทษด้วยนะครับ
ผมไม่มีเวลาใส่ใจ
ไม่เคยสนใจตลอดเวลาที่ผ่านมา
ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตผม
ผมขอโทษ..."
ความรัก: "ดิฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอกค่ะ
ไม่ว่าจะอย่างไร
ความรักอย่างดิฉันก็มีหน้าที่ให้ความรักเสมอ
เมื่อใดก็ตาม ที่คุณเปิดใจต้อนรับ
เมื่อนั้น คุณก็จะได้เป็นเจ้าของความรัก
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง คิดถึง
๐๙ สิงหาคม, ๒๕๕๑
ข้อแตกต่างระหว่างเรา กับ "พระเจ้า"
พระเจ้าตรัสว่า: "ทุกอย่างเป็นไปได้" (ลูกา 18:27)
คุณบอกว่า: "ฉันเหนื่อยเหลือเกิน"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะให้เจ้าได้หายเหนื่อย" (มัทธิว 11:28-30)
คุณบอกว่า: "ไม่มีใครรักฉันเลย"
พระเจ้าตรัสว่า: "เรา...รักเจ้า" (ยอห์น 3:16)
คุณบอกว่า: "ฉันสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว"
พระเจ้าตรัสว่า: "พระคุณของเรานั้นมีเพียงพอ" (2 โครินธ์ 12:9 & สดุดี 91:15)

คุณบอกว่า: "ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะนำย่างเท้าของเจ้า" (สุภาษิต 3:5-6
คุณบอกว่า: "ฉันจะผ่านมันไปได้อย่างไร"
พระเจ้าตรัสว่า: "เจ้าจะเผชิญทุกสิ่งได้" (ฟิลิปปี 4:13)
คุณบอกว่า: "ฉันทำไม่ได้"
พระเจ้าตรัสว่า: "เรา..ทำได้" (2 โครินธ์ 9:8)
คุณบอกว่า: "ไม่คุ้มเลย"
พระเจ้าตรัสว่า: "ผลที่ได้จะดีคุ้มค่าแน่นอน" (โรม 8:28 )
คุณบอกว่า: "ฉันจะไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราอภัยให้เจ้าเสมอ" (1 ยอห์น 1:9 & โรม 8:1)

คุณบอกว่า: "มันเกินกำลังของฉัน"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้แก่เจ้าไม่ให้ขาดเลย" (ฟิลิปปี 4:19)
คุณบอกว่า: "ฉัน..กลัว"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราไม่ได้มอบจิตที่ขลาดกลัวให้แก่เจ้า" (2 ทิโมธี 1:7)
คุณบอกว่า: "ฉันท้อแท้ และกังวลใจ "
พระเจ้าตรัสว่า: "จงละความกระวนกระวายใจเอาไว้ที่เรา" (1 เปโตร 5:7)
คุณบอกว่า: "ฉันไม่ฉลาดพอ"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราให้สติปัญญาแก่เจ้า" (1 โครินธ์ 1:30)
คุณบอกว่า: "ฉันรู้สึกอ้างว้างเดียวดาย"
พระเจ้าตรัสว่า: "เราจะไม่ละเจ้า หรือทอดทิ้งเจ้าเลย" (ฮีบรู 13:5)

จาก weareimpact.com
๐๘ สิงหาคม, ๒๕๕๑
You RAISE me up
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้ประทานเพื่อนๆ พีๆน้องๆ ที่คอยพูดคุยหนุนใจและให้กำลังใจผม
ทำให้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเราก็ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้โดยลำพัง เรายังมีพระเจ้าและเพื่อนๆพี่น้องที่น่ารักที่อยู่ด้วยกับเราเสมอมา
You raise me up - Josh Groban
When I am down and, oh my soul, so weary;
When troubles come and my heart burdened be;
Then, I am still and wait here in the silence,
Until you come and sit awhile with me.
เวลาที่ฉันรู้สึกแย่ และจิตวิญญาณของฉันก็อ่อนระโหยโรยแรง
เวลาที่ปัญหาถาโถมเข้ามา จิตใจของฉันเต้มไปด้วยภาระอันหนักอึ้ง
สิ่งที่ฉันจะทำก็คือ ฉันจะสงบนิ่งและรอคอยอยู่ในความเงียบ
จนกว่าพระองค์จะมาและนั่งลงเคียงข้างฉัน
You raise me up, so I can stand on mountains;
You raise me up, to walk on stormy seas;
I am strong, when I am on your shoulders;
You raise me up: To more than I can be.
พระองค์ทรงยกฉันขึ้น ฉันจึงจะสามารถยืนอย่างเข้มแข็งบนภูเขาสูงได้
พระองค์ทรงยกชูฉันขึ้น เพื่อฉันจะสามารถเดินฝ่าคลื่นลมในทะเล
ฉันรู้สึกเข้มแข็ง เมื่อฉันรู้ว่าพระองค์ทรงพยุงฉันไว้
พระองค์ทรงยกชูฉันขึ้นให้ฉันเป็นมากกว่าที่ฉันเคยเป็น
You raise me up, so I can stand on mountains;
You raise me up, to walk on stormy seas;
I am strong, when I am on your shoulders;
You raise me up: To more than I can be.
พระองค์ทรงยกฉันขึ้น ฉันจึงจะสามารถยืนอย่างเข้มแข็งบนภูเขาสูงได้
พระองค์ทรงยกชูฉันขึ้น เพื่อฉันจะสามารถเดินฝ่าคลื่นลมในทะเล
ฉันรู้สึกเข้มแข็ง เมื่อฉันรู้ว่าพระองค์ทรงพยุงฉันไว้
พระองค์ทรงยกชูฉันขึ้นให้ฉันเป็นและเข้มแข็งมากกว่าที่ฉันเคยเป็น
There is no life - no life without its hunger;
Each restless heart beats so imperfectly;
But when you come and I am filled with wonder,
Sometimes, I think I glimpse eternity.
หากชีวิตไม่มีความยากลำบาก ชีวิตก็ไม่มีค่าอะไร
ถึงแม้ว่าหัวใจที่เหนื่อยล้าจะเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะ
แต่เมื่อพระองค์มาและเติมเต็มฉันด้วยความอัศจรรย์
บางครั้งฉันรู้สึกมองดูราวกับว่าเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานนิรันดร
ขอบคุณพระเจ้า
แต่ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้ประทานเพื่อนๆ พีๆน้องๆ ที่คอยพูดคุยหนุนใจและให้กำลังใจผม
ทำให้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเราก็ไม่ได้เดินอยู่บนเส้นทางนี้โดยลำพัง เรายังมีพระเจ้าและมีเพื่อนๆพี่น้องที่น่ารักที่อยู่ด้วยกับเราเสมอมา ขอบคุณพระเจ้าครับผม
หวังว่าพี่น้องคนไหนที่รู้สึกสิ้นหวังและเศร้าใจก็ให้รู้ไว้นะครับว่า พระเจ้าอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
ความหมายของคำว่า together
(ทูเกธ'เธอะ) adv. ด้วยกัน,พร้อมกัน,ร่วมกัน,เข้าด้วยกัน,ปะทะกัน,สัมพันธ์กัน,เกี่ยวข้องกัน,เวลาเดียวกัน,โดยไม่หยุดยั้ง
คำว่า Together มีปรากฎในพระคัมภีร์กว่า 382 ครั้ง
และตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับคำว่า together ก็คือ ใน ปัญญาจารย์ 14: 9-12
" สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับผลของงานดี
ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พะยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น
แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีผู้อื่นพะยุงยกเขาให้ลุกขึ้น
อนึ่ง ถ้าสองคนนอนอยู่ด้วยกัน เขาก็อบอุ่น แต่ถ้านอนคนเดียวจะอุ่นอย่างไรได้เล่า
แม้คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนคงสู้เขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้"้
สาเหตุที่ผมอยากจะเขียนบล๊อกนี้ขึ้นมาก็เพื่อ อยากที่จะมีส่วนในการให้กำลังใจ
และยืนอยู่เพื่อซึ่งกันและกัน
ทุกครั้งที่คุณรู้สึก ท้อแท้ หรือ หมดกำลังใจ ให้รู้ไว้ว่ายังมีใครอีกคนหนึ่งที่ยังยืนอยู่เป็นเพื่อนคุณเสมอ...