๑๒ สิงหาคม, ๒๕๕๑

The Show MUST go on (part 2)

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ เรื่อง ชีวิตต้องดำเนินต่อไปก็คิอ ตัวอย่างจากสาวกทั้ง 11 คนของพระเยซู (ไม่นับยูดาส อิทคาริโอท) หลังวันที่พระองค์ถูกตรึงบนกางเขน
พระเยซูร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสาวกมาร่วมสามปี แน่นอนว่าพระองค์ทรงรักเขา และสาวกก็รักพระองค์ด้วย พวกเขาร่วมเดินทางด้วยกัน
จินตนาการนะครับว่า เมื่อเราใช้เวลากับใครซักคนหนึ่งและเราก็รักเขามาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่น้อง หรือคนที่เรารัก แล้วอยู่มาวันหนึ่งเขาคนนั้นก็มาจากเราไป (ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี) เราจะเจ็บปวดมากแค่ไหน
วินาทีที่ทหารยกร่างของพระเยซูขึ้นบนกางเขน โลกทั้งใบของสาวกคงจะล่มสลายอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์จะไม่ได้บันทึกไว้ว่าสาวกรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าใช้ความรู้สึกมองตามเนื้อหนังของเรา ก็เชื่อได้ว่าสาวกของพระเยซูแต่ละคนก็คงหัวใจสลายและรู้สึกเคว้งเป็นแน่แท้
พวกเขามีความคาดหวังว่า พระเยซูจะมาช่วยเขา จะนำชัยชนะมาสู่พวกเขา เขามีความคาดหวังในพระองค์หลายๆอย่าง บางคนถึงกับละทิ้งครอบครัว พ่อแม่ การงานและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อติดตามพระเยซู แต่แล้วพอวันนี้มาถึงพระองค์ก็จากเขาไป
เชื่อว่าสาวกคงมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวแน่นอน รู้สึกเสียดายเวลา รู้สึกเคว้งคว้างไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร รู้สึกสับสน แต่ถึงอย่างไรเสียชีวิตเขาต้องดำเนินต่อไป ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่โดยปราศจากพระเยซูนับจากวินาทีนี้ไป บางคนต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ บางคนต้องกลับไปทำอาชีพเดิม เริ่มต้นชีวิตใหม่
ถ้าเรื่องจบแค่นี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่เศร้ามากของพวกสาวกและดูเหมือนพระเยซูก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย
แต่สำหรับพระเยซูแล้ว นี่เป็นสิ่งดีที่พระองค์เตรียมไว้ พระองค์รู้แล้วว่าวันนี้จะต้องเกิดขึ้น
ถ้าสาวกอยู่กลับพระเยซูที่เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง เขาก็ไม่ได้อะไรเลย
กลับกัน การที่พระองค์ยอมตายบนกางเขนเพื่อจะได้ฟื้นคืนชีวิตใหม่ในอีกสามวันต่อมาต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และสาวกก็คาดไม่ถึงด้วย พระองค์จัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าให้เขา ถึงแม้สาวกจะสูญเสียพระเยซูที่เป็นมนุษย์ แต่ตอนนี้เขาได้รับพระเยซูที่เป็นพระเจ้า 100% และพระองค์ก็จะอยู่กับพวกเขาตลอดไปด้วย(ฝ่ายวิญญาณ)
สูญเสียพระเยซูวันนี้ เพื่อจะได้พระเยซูองค์เดิมที่ดีกว่าและสามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเป็นนิจ การสูญเสียวันนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เขาได้รับวันนี้
ใช่แล้ว ผมก็พยายามหนุนใจตัวเองว่า ถึงแม้ชีวิตเราจะเจอสถานการณ์อะไร จะต้องสูญเสียอะไร ผมจะมีความหวังว่าพระเยซูจะจัดเตรียมสิ่งที่ดีกว่าไว้เสมอ อาจจะเป็นสิ่งใหม่หรือสิ่งเดิม แต่แน่นอนว่าจะดีกว่าแน่นอน
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป เพื่ออะไร?? ก็เพื่อจะได้เจอกับสิ่งที่ดีกว่าเดิมยังไงหล่ะ

สดุดี 30:5, 11-12
" เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแค่ชั่วคราว แต่ความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต
การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า"
"สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์เป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี
เพื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์และไม่นิ่งเงียบ
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายโมทนาแด่พระองค์เป็นนิตย์"

ไม่มีความคิดเห็น: